แนวทางการปรับตัวและอนาคตพื้นที่ชุ่มน้ำเวียงหนองหล่มร่วมกำหนดทิศทาง–สร้างบทเรียนเพื่อการพัฒนาในอนาคต

15 พฤศจิกายน 2568 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) นำโดย ดร.จีรนุช ศักดิ์คำดวง ผู้เชี่ยวชาญ นางสาวธนิรัตน์ ธนวัฒน์ นางสาวพวงผกา ขาวกระโทก พร้อมด้วยทีมนักวิจัย ร่วมกับองค์กรภาคีโครงการ Urban จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “แนวทางการปรับตัวและอนาคตพื้นที่ชุ่มน้ำเวียงหนองหล่ม” ณ วัดพระธาตุดอยกู่แก้ว อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้บริหารท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ และผู้นำชุมชนจาก 3 ตำบลรอบพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมกว่า 60 คน เข้าร่วมระดมความเห็นต่อการฟื้นฟู พัฒนา และอนุรักษ์เวียงหนองหล่ม ภายใต้กรอบแผนการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำจังหวัดเชียงราย เวทีนี้มุ่งสร้าง “การวางแผนแบบมีส่วนร่วม” ที่สะท้อนมุมมองของผู้ใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างแท้จริง เพื่อขับเคลื่อนความรับผิดชอบร่วมและเป็นฐานข้อมูลสำคัญสำหรับการถอดบทเรียนสู่การพัฒนาเชิงนโยบายและการพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำในอนาคต

การประชุมได้รับเกียรติจาก Assoc. Prof. Jianbin Wang, Ph.D. (Monash University) นำเสนอการใช้แนวคิด Nature-based Solutions (NbS) ในการฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อตั้งรับต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติ และการขยายตัวของเมือง พร้อมตัวอย่างกรณีศึกษานานาชาติที่ประยุกต์ใช้ได้กับบริบทเวียงหนองหล่ม

นอกจากนี้ ได้เปิดเวทีเสวนากลุ่มย่อยนำไปสู่ภาพรวมการเปลี่ยนแปลงของเวียงหนองหล่มตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยกดดัน และแนวทางการปรับตัวในทศวรรษต่อไป โดยผู้เชี่ยวชาญจากหลายสถาบัน ได้แก่ นายพรมงคล ชิดชอบ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน สำนักชลประทานที่ 2 นายภัคเกษม ธงชัย เจ้าหน้าที่แผนงานด้านน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ IUCN นางสาวขวัญข้าว สิงหเสนี ผู้อำนวยการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และ ผศ.ดร.อภิสม อินทรลาวัลย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมเสนอแนวทางฟื้นฟูให้สอดคล้องทั้งมิติระบบนิเวศและวิถีชุมชน เช่น การจัดการน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค การเกษตร การประมง การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

ทุกภาคส่วนเห็นพ้องว่า การฟื้นฟูและพัฒนาเวียงหนองหล่มจำเป็นต้องทำแบบบูรณาการ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ พร้อมกำหนดโซนการใช้ประโยชน์และโซนอนุรักษ์อย่างชัดเจน และใช้ “ธรรมชาติเป็นฐาน” เป็นแนวทางหลักในการออกแบบมาตรการฟื้นฟู

การประชุมครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลท้องถิ่น แต่ยังเป็น “ฐานบทเรียน” ที่สามารถต่อยอดสู่รูปแบบการพัฒนาเชิงพื้นที่สำหรับการพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำอื่น ๆ ที่ต้องการบูรณาการวิทยาศาสตร์ พื้นที่ และชุมชนเข้าด้วยกัน