TEI เดินหน้าผลักดันฉลากสิ่งแวดล้อมสู่ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและก่อสร้าง มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่เศรษฐกิจสีเขียว

11 พฤศจิกายน 2568 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (Thailand Environment Institute: TEI) เดินหน้าขับเคลื่อนการใช้ฉลากสิ่งแวดล้อมในระบบจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ Greening Supply and demand of Construction materials: Advancing Eco-Labels and Sustainable Public Procurement for climate
and biodiversity protection (EcoAdvance Project)
โครงการนี้มุ่งเน้นส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล็กและปูนซีเมนต์ในการปรับตัว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันตามมาตรฐานสากล
โดยจัดงานสัมมนา “Integrate Eco-Labeled Product Strategies into Sustainable Procurement for Green Construction” ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.30–16.00 น. ณ ห้องสุวิทย์ ศักดานนท์ ชั้น 5 โรงแรมทีเค. พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ

ภายในงานได้รับเกียรติจากผู้แทนโครงการ Ms. Sophia Groll Associate Programme Management Officer, Consumer Information /10YFP / One Planet Network โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และ ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวเปิดงาน พร้อมนำเสนอผลการดำเนินโครงการ EcoAdvance ตลอดช่วงที่ผ่านมา โดย ดร.ฉัตรตรี ภูรัต ผู้อำนวยการฝ่ายฉลากเขียวและฉลากสิ่งแวดล้อม สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และการบรรยายแนวทางการขอการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมที่ผ่านระบบการยอมรับร่วม (Mutual Recognition Arrangements: MRA) โดย ดร.พงศกร ตรุษทิม นักวิจัย

พร้อมนี้ยังได้จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่ภาคีที่เข้าร่วมโครงการ และเสวนาพิเศษในหัวข้อ
“Integrating Eco-Labeled Product Strategies into Sustainable Procurement for Green Construction” โดยผู้แทนจากภาครัฐจากกรมทางหลวง ดร.พลเทพ เลิศวรวนิช ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนางานทาง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามาตรฐานวัสดุและนวัตกรรมการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานอาคารเขียวและ Green building market transformation คุณอมรรัตน์ เดชอุดมทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญฉลากสิ่งแวดล้อมและการประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) ดร.ถนอมลาภ รัชวัตร์ ร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการนำเกณฑ์ฉลากสิ่งแวดล้อมหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้การรับรองไปใช้ในภาคก่อสร้างเพื่อสนับสนุนการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การลดคาร์บอนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน/อาคาร และการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากล “การปล่อยการเรือนกระจกจากภาคการขนส่งกว่า 14% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขนส่งทางถนน ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่ยังล่าช้าอยู่ โดยมีเป้าหมายที่จะนำกรมทางหลวงไปสู่ถนนสีเขียวภายในปี 2050 ทั้งนี้โอกาสและการปิดช่องว่างด้านประสิทธิภาพที่มีอยู่ตลอดวงจรชีวิตของการจัดการถนนต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน การสื่อสารให้เกิดความเข้าใจร่วมเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ พร้อมยกตัวอย่างกลไลการจัดการที่เพิ่มเติมให้รวมการปล่อย CO2 เป็นแนวทางการพิจารณาคัดเลือกผู้รับจ้างด้วย” ดร.พลเทพ กล่าว

ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานอาคารเขียว คุณอมรรัตน์ “อาคารเขียวสำหรับประเทศไทย ณ ปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่การประหยัดพลังงาน หรือรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่กำลังขยายไปสู่ความยั่งยืนในมิติสังคมเพิ่มเติม เช่น สุขภาพและความปลอดภัย โดยชี้ให้เห็นการขยายตัวของกลุ่มอาคารเขียวในภาคการศึกษาและการแพทย์ ที่แนวโน้มเติบโตรองจากกลุ่มอาคารสำนักงาน นอกจากนี้ การพิจารณาเรื่องการไม่ใช้สารอันตรายในวัสดุก่อสร้าง ตลอดจนการแสดงข้อมูลสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ (EPD) จะถูกนำมาใช้เพื่อพิจารณาเพิ่มเติมในการรับรองมาตรฐานอาคารเขียวด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ การใช้สินค้าฉลากเขียวได้รวมหลักเกณฑ์การพิจารณาที่ครอบคลุมทุกด้านซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้ต่อไป แต่การกระตุ้นเพื่อให้เกิดการเพิ่มปริมาณสินค้าที่ได้การรับรองตามมาตรฐานก็ยังจำกัด ”
ดร.ถนอมลาภ กล่าวว่า “ประเทศไทยมีการดำเนินงานฉลากเขียวมากว่า 33 ปี และไม่นานนี้ได้พัฒนาฉลากสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดสินค้าสีเขียวและเศรฐกิจหมุนเวียน การดำเนินงานของไทยถือว่าก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นในกลุ่มสมาชิกเครือข่ายฉลากสิ่งแวดล้อมโลก ด้วยเกณฑ์ที่ครอบคลุมและแนวทางการผสานเกณฑ์ผ่านความร่วมมือกับสมาชิกเครือข่าย อีกทั้งเป็นภาคีสำคัญของการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของประเทศไทย ซึ่งปีนี้มีปริมาณการรับรองที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างมากจากหลักร้อยสู่หลักพันรุ่น ซึ่งถือว่าทิศทางการเติบโตของการรับรองที่ดีและเชื่อว่าจะเพิ่มปริมาณได้เพียงพอกับความต้องการ แต่อย่างไรก็ตามการได้รับความร่วมมือที่ดีจากทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐที่ไม่ต่อเนื่องหรือไม่ชัดเจนก็ยังเป็นข้อจำกัดของการพัฒนาผู้ประกอบการได้ต่อเนื่อง”

สรุปภาพความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่าง
• ฉลากสิ่งแวดล้อมซึ่งช่วยยืนยันคุณภาพและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของวัสดุ
• การจัดซื้อจัดจ้างที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นกลไกของภาครัฐในการขับเคลื่อนตลาดสีเขียว
• และ มาตรฐานอาคารเขียว ที่เป็นปลายทางของการพัฒนาโครงการก่อสร้างที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การบูรณาการฉลากสิ่งแวดล้อมเข้ากับระบบจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ภาคอุตสาหกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายประเทศ และยกระดับมาตรฐานสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับสู่ตลาดสากล