TEI คพ. และ สวพส. จับมือจังหวัดเชียงราย และภาคี ผลักดันทำงานเชิงรุกทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่กับประเทศเพื่อนบ้านลดมลพิษหมอกควันข้ามแดน

29 มกราคม 2567 โครงการพัฒนาความร่วมมือไทย-ลาว-เมียนมา ขับเคลื่อนการจัดการและลดมลพิษหมอกควันข้ามแดน และจังหวัดเชียงราย จัดงานแถลงข่าว *เชียงรายพื้นที่ปฏิบัติจัดการและลดหมอกควันข้ามแดนขับเคลื่อนความร่วมมือ ไทย-ลาว-เมียนมา ร่วมกับองค์กรภาคี* เพื่อประกาศเจตนารมณ์และความ มุ่งมั่นของภาคีเกี่ยวข้องผลักดันการทำงานเชิงรุกทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาและลดมลพิษหมอกควันข้ามแดน

โดยได้รับเกียรติจาก *นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย* กล่าวแสดงเจตนารมณ์ว่าเชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดภาคเหนือที่ประสบปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นประจำทุกปี ซึ่งพบจำนวนจุดความร้อนสูงสุด รวมถึงผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ยินดีและพร้อมให้ความร่วมมือย่างเต็มกำลังในการแก้ปัญหาลดหมอกควันข้ามแ *ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย* ได้กล่าวเสริมว่าในฐานะองค์กรดำเนินงานหลัก ร่วมมือกับ คพ. และ สพวส. มุ่งหวังอย่างยิ่งให้เกิดการทำงานเชิงรุกร่วมกันระหว่าง 3 ประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดนพร้อมนำองค์ความรู้และประสบการณ์มาปรับและบริหารจัดการแก้ไขปัญหาหมอกควันให้เกิดผลรูปธรรม

พร้อมนี้ นายพันศักดิ์ ถิรมงคล ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ* กล่าวว่า คพ.ในฐานะหน่วยงานหลักในการนำเสนอนโยบายการจัดการมลพิษของประเทศ และภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR Sky Strategy) จะเป็นหน่วยงานประสานกลางระหว่างประเทศ ร่วมขับเคลื่อนกลไกทั้งในระดับนโยบายของประเทศและผลักดันนโยบายมลพิษข้ามแดน *ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร* กล่าวเน้นย้ำว่าโครงการฯ เป็นหนึ่งใน 5 ชุดโครงการวิจัยภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยของ สวก. ซึ่งเป็นหน่วยบริหารจัดการทุนตามแผนงานวิจัยเร่งด่วนของ สกสว. เพื่อแก้ไขปัญหาและตอบสนองภาวะวิกฤติเร่งด่วนของประเทศ พร้อมส่งเสริมใช้งานวิจัยนวัตกรรม และการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนฝุ่นละออง PM2.5 แบบมุ่งเป้าและบูรณาการ” ไปขยายผลต่อให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน 

*นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง สวพส.* จักได้ยกระดับพื้นที่ในอำเภอแม่สรวยและเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องด้านการเกษตรเพื่อการแก้ไขปัญหาการเผาอย่างบูรณาการ ตลอดจนการจัดการเศษวัสดุการเกษตรเพิ่มมูลค่าเพื่อให้ชุมชนตัวอย่างลดการเผาและหมอกควันข้ามแดนสู่การขยายผลในพื้นที่เป้าหมายอื่น ๆ ต่อไป *นายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15* กล่าวว่าภารกิจของกรมฯ จะมีส่วนดำเนินการและร่วมการแก้ไขปัญหาหมอกควันภายในประเทศและหมอกควันข้ามแดน โดยเฉพาะการดำเนินงานในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีการเผาไหม้ซ้ำซากสูง รวมถึงการบูรณาการขับเคลื่อนความร่วมมือสู่เป้าหมายการลดพื้นที่เผาไหม้ 50%หนึ่งในสาเหตุของปัญหาหมอกควันข้ามแดนร่วมกับจังหวัดเชียงรายและภาคีความร่วมมือที่เกี่ยวข้องต่อไป *คุณวิลาวรรณ น้อยภา หัวหน้าโครงการ* กล่าวแนะนำภาพรวมงานโครงการและเสริมในตอนท้ายว่าการดำเนินการมีความท้าทายหลายประการ เพราะปัญหาการเกิดไฟทั้งในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตรมีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงโดยตรงกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ การมีและบังคับใช้กฎหมาย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และขีดความสามารถในการรับมือกับปัญหาที่แตกต่างกัน ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการผลักดันให้เกิดการทำงานข้ามพรมแดนในพื้นที่นำร่องในประเทศลาวและเมียนมาให้เกิดผลเชิงประจักษ์ได้ไม่ง่ายนัก ในการลดการเผาหรือปรับเปลี่ยนระบบเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการลดสาเหตุของการเกิดหมอกควันข้ามแดน แต่ด้วยความร่วมมือและตอบรับที่ดีจากภาคีต่างๆ ที่ผ่านมา จะเป็นพลังสำคัญให้เกิดการผลักดันการจัดการลดและแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมร่วมกันได้ในโอกาสต่อไป