สิ่งแวดล้อมของไทย ไม่ได้ต้องการฮีโร่ แต่ต้องการให้เราหยุดแล้วมองอีกครั้ง
ปีนี้ประเทศไทยเผชิญกับ
ปริมาณฝนที่มากเป็นพิเศษ มากกว่าค่าเฉลี่ยในหลายพื้นที่จนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน กระทบทั้งเมืองใหญ่ พื้นที่การเกษตร และวิถีชีวิตของผู้คนหลายล้านคน ภาพหลังฝนตกหนักที่เห็นตามสื่ออาจดูเหมือนเป็นแค่ “เหตุการณ์หนึ่ง” แต่แท้จริงแล้ว มันคือสัญญาณที่ธรรมชาติกำลังสื่อสารกับเราอย่างชัดเจนที่สุดว่า “บางอย่างกำลังเปลี่ยนไป”
ประเทศไทยอาจไม่ต้องการฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ที่บินลงมาจากท้องฟ้า แต่สิ่งที่เราต้องการจริง ๆ คือ
การหยุดมองโลกใบนี้อีกครั้ง ด้วยสายตาที่ซื่อตรงและหัวใจที่พร้อมยอมรับความจริง เพราะหลายครั้ง เราเดินผ่านปัญหาสิ่งแวดล้อมเหมือนสิ่งที่คุ้นชินฝุ่น PM2.5 ที่ลอยอยู่ในอากาศขยะที่กองอยู่หลังตลาด น้ำเสียที่ไหลลงคลองหรือแม้แต่ฝนที่ตกหนักขึ้นทุกปีจนกลายเป็น “เรื่องปกติใหม่”
ฝนที่มากผิดปกติ: ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือสัญญาณ ปรากฏการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในปีนี้ ไม่ใช่เพียงผลจากฝนที่ตกหนักแบบฉับพลันเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบเมือง การจัดการน้ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งกำลังทำให้รูปแบบฝนในไทย “สุดโต่ง” มากขึ้นเรื่อย ๆ ตกหนักกว่า, ยาวนานกว่า และรุนแรงกว่าเดิม แล้วคำถามคือ… เราจะรอให้ธรรมชาติส่งสัญญาณหนักกว่านี้อีกหรือ?
เมื่อเรามองให้ลึกลงไป อะไรคือเหตุผลจริง ๆ?สาเหตุของปัญหาไม่ได้อยู่ที่ธรรมชาติอย่างเดียว หากแต่อยู่ที่ “รอยเท้า” ของมนุษย์ในทุกกิจกรรม ตั้งแต่การสร้างเมืองที่ขยายตัวเร็วเกินไปจนทำให้พื้นที่ซึมน้ำหายไปเรื่อย ๆ, การใช้ทรัพยากรอย่างไม่รู้จบโดยแทบไม่ได้คิดถึงวันพรุ่งนี้, ขยะที่เราทิ้งลงในคูน้ำเล็ก ๆ หน้าโรงเรียนโดยไม่ทันเห็นว่ามันจะเดินทางไปไกลแค่ไหน, การเผาป่าเพื่อเกษตรกรรมแบบเดิม ๆ, ไปจนถึงพลังงานคาร์บอนสูงที่เราใช้ในชีวิตประจำวันเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่มีต้นทุนใด ๆ
เหล่านี้ล้วนเป็นรอยเท้าที่ดูเล็ก แต่เมื่อรวมกันจากคนทั้งประเทศ มันกลายเป็นน้ำหนักมหาศาลที่ธรรมชาติต้องรับไว้แบบไม่มีวันพักสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่า คือปัญหาเหล่านี้ค่อย ๆ สะสมขึ้นแบบเงียบ ๆ ช้า ๆ จนเราคุ้นชิน ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอีกต่อไปเหมือนบ้านที่ค่อย ๆ ทรุดตัวลง โดยเจ้าของบ้านไม่ทันได้ยินเสียงร้าว
ปัญหาสิ่งแวดล้อมของไทย จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปมันคือเงาของวิถีชีวิตเราเองคือควันรถคันที่เราขึ้นทุกวันคืถุงพลาสติกที่เราใช้เพียง 5 นาที แต่ใช้เวลาย่อยสลายนานกว่า 450 ปี คือเศษอาหารที่เราปล่อยทิ้งโดยไม่เคยคิดว่ามันคือต้นตอของก๊าซมีเทนมันคือ ภาพสะท้อนชีวิตจริงของสังคมไทย ไม่ใช่บทเรียนที่อยู่ในตำรา
สิ่งแวดล้อมไม่ต้องการฮีโร่ แต่ต้องการ “คนธรรมดา” ที่เริ่มลงมือทำ สิ่งแวดล้อมประเทศไทยไม่ต้องการใครสักคนที่ทำได้ทุกอย่าง แต่ต้องการ “คนทั้งประเทศ” ที่ช่วยกันคนละนิด:
- แยกขยะให้ถูกต้อง
- ลดการใช้สินค้าใช้ครั้งเดียว
- สนับสนุนสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า
- สนับสนุนนโยบาย GPP ที่ภาครัฐจัดซื้ออย่างมีความรับผิดชอบ
แม้เป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่เมื่อหลายล้านคนทำพร้อมกัน โลกจะเปลี่ยนอย่างเงียบ ๆ และงดงาม
สิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยน เมื่อเรายอม “หยุด” และ “มองเห็น” เราอาจไม่สามารถหยุดฝนได้ แต่เราเลือกได้ว่า จะเตรียมตัวต่อมันอย่างไร และจะปล่อยให้โลกทรุดโทรมลงเพราะความเพิกเฉยของเราหรือไม่ วันสิ่งแวดล้อมไทยปีนี้ขอให้เป็นจุดเริ่มต้นของการมองเห็นสิ่งที่เรามองข้ามไปนานเริ่มต้นด้วยคำถามง่าย ๆ ที่เราลืมถามตัวเอง:
“เราดูแลโลกใบนี้…ดีพอหรือยัง?”
เพราะบางครั้ง คุณค่าของโลกใบนี้ ไม่ได้อยู่ที่การรอฮีโร่
แต่อยู่ที่การลงมือของคนธรรมดาอย่างเรา อย่างเงียบ ๆ แต่จริงใจ
เรียบเรียงโดย:
ดร.ถนอมลาภ รัชวัตรร์
นักวิจัยอาวุโส สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย
Share: