แผนงานวิจัยแก้ปัญหาวิกฤติฝุ่นละออง PM 2.5 ตามเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. ปีงบประมาณ 2568–2569 สู่การขยายผลใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน
31 กรกฎาคม 2568 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI นำโดย คุณวิลาวรรณ น้อยภา หัวหน้าโครงการพัฒนาความร่วมมือเมืองคู่ขนาน ไทย ลาว เมียนมาขับเคลื่อนการจัดการและลดมลพิษหมอกควันข้ามแดน และนักวิจัย ได้ร่วมประชุมและนำเสนอสรุปผลการดำเนินงานแผนงานการนำ ววน. ไปใช้แก้ปัญหาวิกฤติฝุ่นละออง PM 2.5 ภายใต้แผนงาน P24 ปีงบประมาณ 2566–2567 และตามเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. ปีงบประมาณ 2568–2569 และการขยายผลใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ณ ห้องประชุมโรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ เพื่อสะท้อนบทเรียนจากการวิจัยและเตรียมต่อยอดการแก้ปัญหา PM 2.5 สู่ระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวเปิดการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมการ คณะผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักพัฒนากลยุทธ์ความร่วมมือนานาชาติและการใช้ประโยชน์งานวิจัย ววน. สกสว.กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกำกับติดตามติดตามแผนงานการนำ ววน. ไปใช้แก้ปัญหาวิกฤติฝุ่นละออง PM 2.5 และคณะนักวิจัยผู้รับทุนทั้ง 6 มิติ ภายใต้แผน P24 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2567 กล่าวคือ มิติที่1 การลดไฟในพื้นที่ป่า มิติที่2 การลดไฟในพื้นที่การเกษตร มิติที่ 3 การจัดการระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ มิติที่ 4 การสนับสนุนงานวิจัยเชิงนโยบายระดับพื้นที่ มิติที่ 5 การสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อลดฝุ่นในภาคคมนาคม และ มิติที่ 6 การสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อลดฝุ่นข้ามแดน
การประชุม คุณวิลาวรรณ ได้ร่วมนำเสนอข้อค้นพบสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันเชิงนโยบายและผลลัพธ์ที่ได้จากการดำเนินงานในมิติที่ 6 เรื่องการสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อลดฝุ่นข้ามแดน พร้อมได้รับการอภิปรายจากคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการขับเคลื่อนการดำเนินงานในระยะต่อเนื่อง ควรได้ประสานการสนับสนุนภาคเอกชนจากสมาชิกองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development หรือ TBCSD) ในฐานะเครือข่ายธุรกิจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดเครือข่ายหนึ่งของประเทศที่เกิดจากการรวมตัวกันขององค์กรภาคธุรกิจไทยและรัฐวิสาหกิจที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนอันครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมหลักของประเทศเพื่อร่วมเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในการควบคุมการค้าพืชเศรษฐกิที่ปลอดการเผากับประเทศเพื่อนบ้านจตอบโจทย์ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนอย่างเป็นระบบต่อไป

Share: