TEI หารือและขยายความร่วมมือกับอำเภอขุนตาล 1 ใน 4 อำเภอชายแดน (In Thai)

ร่วมขับเคลื่อนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาเมืองคู่ขนานชายแดนและแก้ปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน*และเยี่ยมชมการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำเด่นของพื้นที่*

14 พฤศจิกายน 2568 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI โดย คุณวิลาวรรณ น้อยภา หัวหน้าโครงการพัฒนาความร่วมมือเมืองคู่ขนานชายแดนไทย ลาว เมียนมา ขับเคลื่อนการจัดการและลดมลพิษหมอกควัน พร้อมด้วยคณะนักวิจัยโครงการ จัดการประชุมหารือ แลกเปลี่ยน ขยายความร่วมมือ อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงรายพื้นที่ผลกระทบข้ามเขตแดนร่วมการขับเคลื่อนการบริหารจัดการไฟป่าและหมอกควันข้ามแดน โดยมีนายอดิเรก ไลไธสง นายอำเภอขุนตาล เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยผู้นำชุมชน กำนัน และผู้ใหญ่บ้านจากท้องถิ่น ท้องที่เข้าร่วมการประชุมหารือ ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานจากสถานการณ์ของพื้นที่อำเภอขุนตาล 1 ใน 4 อำเภอชายแดน ร่วมขับเคลื่อนการบริหารจัดการไฟป่าและหมอกควันข้ามแดน ในการปฏิบัติการกลไกความร่วมมือในระดับนโยบายและรูปธรรมในระดับพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการการแก้ไขปัญหา PM2.5 และมลพิษหมอกควันข้ามแดนจังหวัดเชียงราย และชุมชนคู่ขนานตามแนวชายแดน สปป.ลาว

คุณวิลาวรรณ ได้นำเสนอแนวทางในการมีกลไกคณะทำงานการประสานความร่วมมือ การระดมความร่วมมือที่สอดคล้องกับเป้าหมายจังหวัด ด้วยมาตรการลดการเผาในพื้นที่ ป้องกันและลดปัญหาหมอกควันข้ามแดน สำหรับหารือให้เกิดความชัดเจนในการประชุมหารือกรอบความร่วมมือกลไกชายแดนการบริหารจัดการไฟป่าและหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 3 ณ อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ที่จะถึงนี้ พร้อมนี้ ผู้นำและคณะนักวิจัย ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน “ป่าส้มแสง บ้านป่าข่า” เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าลุ่มน้ำอิง มีเนื้อที่ประมาณ 85 ไร่ มีลักษณะเป็นป่าชุ่มน้ำและระบบนิเวศของป่าส้มแสงที่ยืนต้นและแช่น้ำช่วงฤดูน้ำหลาก และเป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำจากแม่น้ำอิงและแม่น้ำโขงในช่วงน้ำลด มีอัตลักษณ์หนึ่งเดียวของภูมิภาคอาเซี่ยน และ “ป่าชุมชน บ้านงามเมือง” มีสภาพป่าเป็น 2 ปะเภท คือ ป่าภูเขาและป่าชุมชน รวมเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ชุมชนใช้สอยเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ ป่าใช้สอย แหล่งอาหาร สมุนไพร และสร้างรายได้ ซึ่งมีความหลากหลายของระบบนิเวศด้านพันธุ์ไม้ พันธุ์ปลา สัตว์น้ำ และสัตว์ป่า โดยมีชุมชนมีส่วนร่วมร่วมกันดูแลรักษามากว่า 20 ปี ซึ่งมีผลและบทบาทต่อการการต่อยอดการบริหารจัดการเป็นแนวป้องกันไฟป่าที่สำคัญได้ต่อไป