TEI-GIZ ผนึกกำลังเตรียมภาคเกษตรไทยรับมือกฎการค้าใหม่ของ EU ยกระดับมาตรฐานสู่ความยั่งยืน (In Thai)

28 ตุลาคม 2568 – สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) จัดประชุม “การเตรียมความพร้อมประเทศไทยต่อกฎระเบียบของสหภาพยุโรปด้านการตรวจสอบสถานะของห่วงโซ่อุปทาน” ภายใต้โครงการ Enhancing Readiness of Thailand towards the EU Sustainable Trade Schemes ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี German Federal Ministry for Economic Cooperation and Development: BMZ เพื่อสนับสนุนการปรับตัวต่อกฎระเบียบด้านความยั่งยืน ได้แก่ กฎสินค้าปลอดการทำลายป่า (EUDR), คำสั่งการตรวจสอบความยั่งยืนขององค์กร (CSDDD) และกฎหมายห่วงโซ่อุปทานของเยอรมนี (LkSG) โดยได้รับความสนใจจากผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมการประชุมกว่า 100 คน

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการ TEI กล่าวย้ำว่า แนวโน้มการค้าโลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ระบบที่ให้ความสำคัญกับ “ความยั่งยืน” เป็นหัวใจหลัก กฎระเบียบ EU จึงเป็นทั้ง “ความท้าทาย” และ “โอกาส” ที่จะผลักดันไทยยกระดับมาตรฐานการผลิตและการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้เทียบเท่าสากล ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน สอดคล้องกับ Mr. Julian Tost รองผู้อำนวยการโครงการ GIZ Thailand ที่กล่าวว่าโครงการนี้มุ่งสนับสนุนประเทศคู่ค้าของสหภาพยุโรป โดยเฉพาะในภาคเกษตร ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามหลักการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) ของ EU ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในการประชุมยังได้มีการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ได้แก่ Mr. Michael Bucki ที่ปรึกษาด้านการเปลี่ยนผ่านสีเขียวจากคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย และ Dr. Inti Schubert ที่ปรึกษาอาวุโสจาก GIZ เยอรมนี พร้อมการนำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นของโครงการ และจัดกิจกรรมระดมความคิดเห็นใน 3 กลุ่มสินค้าเกษตรหลัก ได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน รวมถึงกลุ่มสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน และระบบตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อระบุความท้าทายและแนวทางปรับตัวของไทยให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของ EU

ท้ายสุด ดร.จีรนุช ศักดิ์คำดวง หัวหน้าโครงการ TEI กล่าวว่าคณะผู้ศึกษาจะนำข้อคิดเห็นที่ได้ไปใช้ในการตั้งคณะทำงานพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อสนับสนุนให้ภาคเอกชนไทยสามารถดำเนินงานตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป และรักษาความสามารถในการแข่งขันทางการค้าอย่างยั่งยืน